Rose, Valntine Day

Posted by Leciel ღ Inlove on 15.2013 3 comments 0 trackback
The Story :: Rose, Valntine Day
Type :: One shot
Character :: Yamapi & Yuya
By. Leciel_InLove





“ขอให้มีความสุขในวันแห่งความรัก โอกาสหน้าเชิญแวะมาที่ร้านใหม่นะครับ”



เสียงอวยพรควบคำบอกลาลูกค้าคนแล้วคนเหล่าที่แวะเวียนเข้ามาในร้านคาเฟ่เล็กๆแห่งนี้ดังเป็นระยะๆ สลับกับคำกล่าวต้อนรับผู้ที่เยี่ยมเยือนเข้ามาใหม่ไม่ขาดสายเช่นเดียวกัน

เพราะวันนี้จะเป็นอีกหนึ่งวันสำคัญที่ของขวัญจะมีความหมาย
ดังนั้น ร้านกาแฟที่มีเสิร์ฟทั้งเค้กน่ากินและขนมหวานมากมายจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ใครๆก็อยากจะเข้ามาจับจ่ายซื้อกลับไปเพื่อมอบให้แก่คนสำคัญ

พนักงานในร้านทยอยยกขนมมากหน้าหลายตามาเพิ่มในตู้กระจกตั้งโชว์ข้างเคาน์เตอร์เมื่อมองเห็นที่ว่างตลอดทั้งวัน จนเวลานี้ ณ.ขอบฟ้ามองไม่เห็นพระอาทิตย์อีกแล้วแต่ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังทักทายๆและกล่าวลาผู้คนที่ทยอยเข้าๆออกๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มอยู่เสมอ





พนักงานหนุ่มในชุดฟอร์มคนหนึ่งเดินเลี่ยงเข้าไปหลังร้าน หลังจากนาฬิกาข้อมือชี้บอกเวลาว่าล่วงเลยมาสามทุ่มกว่าๆและมีพนักงานคนหนึ่งเข้ามายืนแทนที่เขาแล้ว ช่วงขณะที่เขาปลดผ้ากันเปื้อนออกจากเอวแล้วทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในห้องแต่งตัว แก้วน้ำทีบรรจุน้ำเปล่าเย็นฉ่ำก็ถูกยื่นมาอยู่ตรงหน้าของเขา

“เหนื่อยหน่อยนะ...เทโกชิ”
“...ขอบคุณฮะ รุ่นพี่”

เด็กหนุ่มรับแก้วน้ำมาไว้ในมือและยกขึ้นจิบอย่างมีมารยาท

“ทั้งที่วันนี้ได้หยุดก็ยังอุตส่าห์มาช่วยงาน...ขอบใจนะ” รุ่นพี่หนุ่มที่มีใบหน้าอ่อนเยาว์และอ่อนโยนกับเขาอยู่เสมอตั้งแต่เข้าทำงานวันแรกจนถึงวันนี้ว่าพลางยกมือขึ้นลูบหัวของเขาอย่างเอ็นดู

“ไม่เป็นไรหรอกครับ หยุดไปวันนี้ผมก็ว่างอยู่ดี สู้มาทำงานคิดโอทีกับรุ่นพี่ดีกว่า” เสียงสดใสกล่าวอย่างร่าเริง ส่งผลให้ใบหน้าของรุ่นพี่ร่วมร้านเผยรอยยิ้มกว้างขวางแล้วรีบรับคำ

“ได้สิ เดี๋ยวฉันจะบอกพาทิสสิเย้ให้แล้วกันนะ ว่านาย...”


“คาซึนาริ! คาซึนาริ! เฮ้...นายไปนั่งหลับในห้องน้ำหรือไง”


เสียงเรียกที่ดังมาจากห้องทำขนมขนาดกะทัดรัด ทำเอาบทสนทนาเมื่อสักครู่หยุดชะงักลงทันใด

“อะไรหนักหนานะ ไอ้คุณชายนี่” คำบ่นกระปอดกระแปดจากชายหนุ่มที่ชื่อคาซึนาริทำให้คนที่นั่งฟังอยู่ในห้องด้วยหลุดเสียงหัวเราะที่กลั้นเอาไว้ออกมาเบาๆ

“นายอยากจะเปลี่ยนหน้าที่กับฉันไหม...เทโกชิ” รุ่นพี่คาซึนาริพูดพลางชี้นิ้วไปที่ห้องที่เขาเพิ่งจะเดินออกมาได้ไม่ถึงสิบนาที

“ไม่ดีกว่าครับ ผมไม่ใช่นักชิมที่ดี กลัวว่าจะเข้าไม่ถึงรสชาติของขนมอย่างรุ่นพี่นะฮะ”

หรือถ้าพูดให้ถูกก็คือ...
ไม่มีใครหน้าไหนลิ้มรสรู้ความนัยถึงรสชาติขนมทุกชนิดที่พาทิสสิเย้ทำ
นอกจากรุ่นพี่คนนี้เท่านั้น

ก็เพราะร้านคาเฟ่แห่งนี้ สร้างมาเพื่อคนๆเดียว
...สร้างมาเพื่อคนที่รัก


“เทโกชิ”
“ครับ?”

“พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำงานหรอกนะ ฉันกับโชคุยกันแล้วล่ะว่าจะให้นายหยุดห้าวัน...เริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้”
“รุ่นพี่ฮะ แต่ว่า...”

“ตั้งแต่ปีใหม่มานายทำงานทุกวันไม่ยอมหยุดเพื่อขอลาวันนี้ไม่ใช่เหรอ” เด็กหนุ่มนิ่งงันไม่โต้ตอบใดๆ ปล่อยให้คาซึนาริที่เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าประตูเอียงคอกอดอกมองเงียบๆ

“วันนี้พอแค่นี้แหละ นายเข้าเช้ากลับดึกมาหลายวันแล้ว ควรจะได้พักผ่อนบ้างนะ ถ้าเทโกชิเป็นอะไรไป พวกฉันจะหาพนักงานขยันเรียกลูกค้าอย่างนายได้ยังไงล่ะ”

“...”

“อ๋อ...ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ค่าล่วงเวลานะ เดี๋ยวฉันจะทวงกับโชให้...แน่นอน”

เทโกชิเงยหน้ามองรอยยิ้มทะเล้นของคาซึนาริแล้วพลอยยิ้มขำ
ก่อนจะพยักหน้าขานรับคำทำตามที่คนตรงหน้าต้องการ


“คาซึนาริ!”
“เออ เออ...ไปแล้วน้า อยู่คนเดียวสักห้านาทีสิบนาทีจะขาดใจตายหรือไง”



ปัง!



นั่นเป็นประโยคสุดท้ายที่เทโกชิได้ยินหลังจากที่รุ่นพี่ของเขาพูดเรียกอีกครั้งและประตูห้องจะถูกปิดลง

เขายิ้มน้อยๆ ก่อนจะเอื้อมมือหยิบมือถือที่อยู่ในกระเป๋าผ้ากันเปื้อนขึ้นมา เมื่อกดเปิดล็อกภาพแบล็คกราวก็ตรึงตาเขาให้นั่งเหม่อไป

ภาพของคนสองคนที่กอดคอแนบชิดกันและกัน



‘ขอโทษนะ...ยูยะ
อาทิตย์นี้ฉันคงไม่ได้กลับญี่ปุ่นอย่างที่สัญญากันไว้!’


ประโยคสั้นๆจากผู้ชายที่มีใบหน้านิ่งขรึมที่ระยะนี้ได้เห็นจากเว็บแคมเท่านั้น มันยังวนเวียนอยู่ในความทรงจำของเขาเสมอตั้งแต่ต้นสัปดาห์ที่ได้รู้ข่าว

‘แผนงานในกลุ่มมีปัญหาโปรเฟสเซอร์เลยสั่งให้ทำใหม่ทั้งหมด...ฉันเลยต้องอยู่ช่วยงาน’

เพราะมองเห็นใบหน้าอิดโรยที่ฝืนยิ้ม
เพราะได้ยินน้ำเสียงเหนื่อยล้าที่ฝืนร่าเริง

‘ไม่เป็นไรหรอกฮะ ผมเอง...ก็ไม่ได้ลาหยุดไว้เหมือนกัน
ช่วงเทศกาลร้านจะวุ่นมากแล้วตอนนี้ก็มีคนช่วยไม่พอ’


ดังนั้นเขาจึงยอมโกหกเพื่อให้คนที่รักไม่ต้องกังวล

‘โทโมะไม่ต้องเป็นห่วงนะฮะ เอาไว้คราวหน้าก็ได้ครับ เมื่อไรก็ได้ฮะ...ผมจะรอ
ใช่ว่า วันแห่งความรักจะมีแค่วันนี้วันเดียวสักหน่อย’


สองปีแล้วที่เขาปลอบใจตัวเองด้วยคำพูดนี้

‘ปีหน้า...เราค่อยมาฉลองด้วยกันก็ได้ฮะ’

แค่ตอกย้ำตัวเองซ้ำๆว่าไม่เป็นไร
ถึงไม่ได้กอด ไม่ได้อยู่ใกล้
ขอแค่เห็นห้าและได้ยินน้ำเสียงก็ยังดี

และปีนี้ก็เป็นอีกหนึ่งปี
ที่เขาอยู่คนเดียว...ในวันวาเลนไทน์






เมื่อจัดการธุระของตัวเองจนเสร็จเรียบร้อย เทโกชิที่อยู่ในชุดลำลองเสื้อแขนยาวสวมทับด้วยกางเกงยีนต์ขายาวพอดีตัวสะพายกระเป๋าเป้และพาดเสื้อโค้ทสีเข้มไว้ที่แขนข้างหนึ่งเดินก้าวสั้นๆไปหยุดที่หน้าประตูห้องทำครัวที่ในนั้นมีเพียงสองคนกำลังจับจองอยู่เงียบๆ แต่เพราะบรรยากาศที่คละคลุ้งอยู่ทั่วบริเวณนั้นจะทำให้เขาชั่งใจที่จะเอ่ยคำกล่าวลาตามมารยาทเหมือนทุกวันในเวลานี้

ภาพของชายร่างสูงใหญ่ที่หยิบขนมหวานชิ้นเล็กๆ ท่าทางเพิ่งเอาออกมาจากเตาอบใหม่ๆ บรรจงป้อนให้กับคนที่ยืนซ้อนหลังตัวเองแล้วเฝ้ารอคอยคำตอบ จนหัวทุยๆของคนที่เทโกชิรู้จักดีจะพยักหน้ารับแล้วส่งเสียงชมเชยว่าหวานอร่อยและพรุ่งนี้ขนมชิ้นนี้อาจจะเป็นเมนใหม่แนะนำคู่กับกาแฟหอมกรุ่นได้แน่ๆ นั้น

จะทำให้คนเฝ้ามองอยู่เงียบๆ ยิ้มน้อยๆไปด้วย
แม้ว่าเขาจะรู้ดีว่านั้นเป็นการเสียมารยาทก็ตาม
เพราะมันทำให้เขามองเห็น ภาพซ้อนทับของตัวเองและใครอีกคน...





วินาทีที่บราว์นี่ถูกตักเข้าปาก ความเงียบก็เข้าปกคลุมบุคคลทั้งสองที่นั่งอยู่ข้างกัน
คนหนึ่งนิ่งคอยคำพูดอะไรสักอย่างด้วยแววตาเป็นประกาย
ในขณะที่อีกคนเงียบเพื่อลิ้มรสชาติจากขนมที่เขากินเข้าไปอย่างพินิจพิจารณา

แต่เพราะไม่มีเสียงตอบกลับมา นอกเสียจากบราวนี่ชิ้นที่สองที่ถูกตักใส่ปากเหมือนเช่นคำแรก จะทำให้คนรอคำวิจารณ์อดรนทนไม่ไหวแล้วเอ่ยถามขึ้นมาเสียเอง


‘เป็นไงฮะ...โทโมะ อร่อยไหมครับ’
‘...’


ไม่มีเสียงตอบกลับเหมือนเช่นเคย แต่ชายหนุ่มทีนั่งอยู่ข้างๆเขาก็ยังตั้งหน้าตั้งตาตักสิ่งที่เทโกชิอยากรู้ว่ามันถูกปากเขาไหมเข้าปากเหมือนเดิม

‘...โทโมะ’

ไม่รู้ว่าเพราะเสียงเรียกเริ่มจะแข็งพอๆกับใบหน้าที่ชักจะโมโหแล้วหรือเปล่า เจ้าของชื่อที่เอาแต่นั่งกินไม่พูดไม่จาเลยหันมามองแล้ว ตักบราวนี่ชิ้นสุดท้ายยื่นมาจ่อที่ปากของเทโกชิด้วยใบหน้านิ่งแล้วพูดสั้นๆ

‘ลองชิมดูสิ’
‘ตอนทำผมก็ลองแล้วล่ะฮะ’


คนทำบอกปัด ชักจะเริ่มงอนแล้ว

‘ลองดู’

แต่คนที่ได้ชิมเป็นคนแรกก็ยังคะยั้นคะยอไม่เลิกรา
สุดท้ายคนที่ชักจะโมโหก็เลยตัดสินใจยื่นหน้าไปกินเค้กชิ้นสุดท้ายที่คนรักกินเหลือแล้วเคี้ยวช้าๆ สบตาคนป้อนที่ยิ้มบางๆแล้วเท้าคางมอง

‘อร่อยไหม?’
ยัง...ยังจะมีหน้ามาถามอีก

เมื่อเริ่มไม่สบอารมณ์เทโกชิเลยพูดประชดออกไปซะอย่างนั้น

‘ไม่เห็นจะอร่อยเลย แข็งก็แข็ง ขมก็ขม ทีหลังผมจะไม่ทำ...ละ...’

ริมฝีปากเจ้าแง่เจ้างอนถูกชายหนุ่มช่างยั่วโมโหจับจองเป็นเจ้าของแผ่วเบา เขาจูบประทับลงบนกลีบปากบนที่มีคราบช็อกโกแลตติดอยู่นิดหน่อย ดูดเม้มพอให้แดงฉ่ำแล้วจึงผละออกอย่างเฉื่อยช้า มองดูใบหน้าของคนช่างงอนที่ชะงักงัน ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยรอยยิ้มขบขัน ฝ่ามือหนาเลื่อนขึ้นแตะเบาๆที่แก้มใสแล้วลูบช้าๆตรงบริเวณที่รอยระเรื่อสีแดงค่อยๆเผยออกมา

‘อร่อย...คือคำชมสำหรับบราวนี่สี่คำแรกที่ฉันกินเข้าไป...’

นิ้วชี้ของโทโมะแตะเบาๆที่กลีบปากของยูยะแล้วกระซิบคำพูดที่ได้ยินเพียงแค่สองคน
ชิดติดริมฝีปากของกันและกัน


‘แต่บราวนี่คำสุดท้ายนี้...มันหวานอร่อยที่สุด เท่าที่ฉันเคยชิมมาเลย ยูยะ!”


นั่น...คือของขวัญชิ้นแรกที่เขาให้โทโมะ
ขนมเค้กชิ้นแรกที่ยูยะทำเองกับมือ

นั่น...คือจูบแรกยูยะ
จูบที่ถึงแม้จะปนรสขมของดาร์กช็อกโกแลต แต่ก็หอมหวานกว่าสิ่งใด

นั่น...คือครั้งแรกที่เรามีช่วงเวลาฉลองวันแห่งความรักด้วยกัน
และเป็นวาเลนไทน์ครั้งสุดท้ายที่ได้อยู่ด้วยกัน





“...โกชิ เทโกชิ!”



เพราะมั่วแต่จมดิ่งอยู่ในความทรงจำ เขาจึงไม่รู้ว่ามีคนมายืนอยู่ใกล้ๆพร้อมกับโบกมือไปมาอยู่ตรงหน้าเรียกอยู่นาน

“...ขอโทษครับ พอดียืนคิดอะไรนิดหน่อย” เทโกชิแก้เก้อด้วยรอยยิ้มเขินอาย เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจากรุ่นพี่ที่เขาคิดจะมาบอกลาก่อนกลับบ้าน

“จะกลับแล้วใช่ไหม นี่...ของขวัญวันวาเลนไทน์จากฉันกับโช” กล่องบรรจุขนมเค้กที่มีตราของร้านประดับอยู่ถูกยื่นมาให้ เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปรับแล้วกล่าวขอบคุณ

เพราะไม่ว่าจะเทศกาลไหนๆพนักงานในร้านจะได้รับของขวัญเป็นของเล็กๆน้อยๆจากเจ้าของร้านทั้งคู่เสมอ โดยปกติแล้ววันแห่งความรักพวกเขาทุกคนจะได้รับเค้กสตอเบอรี่เป็นของขวัญ เพียงแต่ปีนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่

“...ปีนี้พิเศษหน่อยนะ เป็น Chocolate Fudge Brownie”

เรื่องเก่าที่เพิ่งจะนึกผ่านไปย้อนกลับมาให้คิดอีกครั้งและครั้งนี้ดูเหมือนใบหน้าขาวนวลจะมีสีระเรื่ออย่างเห็นได้ชัดเมื่อเขาเงยหน้าแล้วมองเห็นคาซึนาริจะจ้องมองมา

“ไม่สบายหรือเปล่า..เทโกชิ หน้าแดงนะ” รุ่นพี่หนุ่มเอื้อมมืออังที่หน้าผากของรุ่นน้องที่เขาให้ความเอ็นดูอย่างเป็นห่วง

“เปล่าฮะ ผม...สบายดีครับ ขอบคุณสำหรับของขวัญวันวาเลนไทน์ปีนี้นะฮะ ถ้ายังไงผมกลับก่อนนะครับ”

“เดี๋ยว เทโกชิ...” น้ำเสียงจากพาทิสสิเย้ที่ง่วนกับงานหลังร้านดังขึ้นพร้อมกับที่เจ้าตัวจะเดินมาใกล้ๆแล้ววางดอกกุหลาบสีแดงสดเจ็ดดอกที่ผูกรวบด้วยริบบิ้นสีแดงมีการ์ดเล็กๆแนบอยู่ด้วยบนกล่องเค้กทีเขาถืออย่างทะนุถนอม

“กลับบ้านดีๆหล่ะ ขอให้มีความสุขในวันวาเลนไทน์และอีกห้าวันที่นายหยุดไปนะ”
“ครับ ขอบคุณฮะ...รุ่นพี่ซากุไร”

“...เทโกชิ”
“ครับ...”


“กุหลาบช่อนี้มีความหมายนะ นายรู้ความหมายของมันไหม?”





‘ดึกมากแล้วแถมข้างนอกหิมะก็ตก นายน่าจะนั่งแท็กซี่กลับบ้านนะ’



คำแนะนำจากคาซึนาริที่อุตส่าห์เปิดประตูหลังร้านมาส่งหลังจากที่มีรถแท็กซี่มาจอดเทียบอยู่ใกล้ๆ ทำให้เทโกชิที่ตอนแรกตัดสินใจว่าจะเดินชมบรรยากาศในช่วงวันเทศกาลไปเรื่อยๆจนกว่าจะถึงบ้าน ตัดสินใจทำตามอย่างว่าง่าย

และอีกหนึ่งเหตุผลที่เขาเลือกจะขึ้นรถกลับก็เพราะขนาดเขาสวมเสื้อผ้าหนาเพื่อให้ความอบอุ่นกับร่างกายขนาดนี้ยังหนาวสั่นแล้วดอกไม้ในมือที่แสนบอบบางจะทนได้อย่างไร

ดังนั้นเขาจึงก้าวขึ้นรถที่จอดอยู่อย่างไม่เกี่ยงงอนใดๆ
เพราะกลัวว่าเกล็ดหิมะที่ร่วงโรยลงมาจะทำลายความสวยงามของดอกไม้ในมือ

ช่วงขณะที่รถติดไฟแดงเขามองเห็นคู่รักเดินจับมือข้ามถนน สวนเสผ่านไป บรรยากาศที่อบอวลไปด้วยความรู้สึกที่แค่มองก็รู้ว่าอิ่มเอมแค่ไหนค่อยๆไหลเวียนให้เห็นละลานตา แต่เมื่อสัญญาณไฟเขียวมาถึง เขาจึงก้มลงสนใจการ์ดที่แนบอยู่ในช่อดอกไม้ เขาเปิดมันออกอ่านข้อความในจดหมาย

และในที่สุดรอยยิ้มน้อยๆก็เปื้อนขึ้นบนใบหน้าของเขา


‘หวังว่านาย...จะได้พบกับเรื่องดีๆ
นั่นคือความหมายของดอกกุหลาบ “เจ็ด” ดอกนี้
...ซากุไร โช&นิโนมิยะ คาซึนาริ’



สองข้างทางเริ่มมีแสงสลัวลงเมื่อขับผ่านตัวเมืองที่มีร้านรวงเข้าสู่ละแวกที่พักอาศัย มีแค่ความสว่างไสวจากไฟส่องทางที่เปิดตามท้องถนน บ่งบอกว่าอีกไม่นานเขาก็จะถึงที่พัก

เมื่อแท็กซี่จอดสนิทแสงไฟจากตัวอพาร์ทเม้นต์ขนาดเจ็ดชั้นก็ส่องลอดเข้ามาในตัวรถ เด็กหนุ่มยื่นค่าโดยสารให้กับคนขับแล้วเตรียมตัวที่จะก้าวลงจากรถ สองมือกระชับสัมภาระของตัวเองและในชั่วขณะที่เขากำลังจะก้าวลงจากรถ เสียงจากโชเฟอร์วัยกลางคนก็ดังเรียกให้เขาหันไปมอง

ก่อนจะเอ่ยอวยพรด้วยคำที่วันนี้ทั้งวันเขาเอาแต่พูดให้ลูกค้าอย่างจริงใจ

“ขอให้มีความสุข...ในวันแห่งความรักครับ”
นั้นคือคำบอกกล่าวจากคนขับรถใจดีที่อารีมอบให้เขาด้วยรอยยิ้ม

เด็กหนุ่มนิ่งไปพักใหญ่ก่อนจะยิ้มรับแล้วกล่าวขอบคุณพร้อมกับอวยพรโชเฟอร์คนนั้นด้วยประโยคเดียวกัน
“ขอให้มีความสุขในวันแห่งความรักเช่นกันครับ”


หลังจากมองส่งจนรถแท็กซี่คันนั้นลับตาไป เขาจึงเดินไปหยุดอยู่ที่ประตูกระจกกดรหัสให้ประตูเปิดออกช้าๆแล้วดึงปิดดังเดิมเมื่อก้าวเข้ามาอยู่ในตัวอาคารเป็นที่เรียบร้อย ก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในลิฟท์ที่เปิดอ้ารอรับราวกับรู้ใจ เด็กหนุ่มล่วงมือคีย์การ์ดในช่องกระเป๋าเมื่อประตูลิฟท์ปิดลง เพียงไม่นานเสียงเตือนก็ดังขึ้นเพียงหนึ่งครังเมื่อมาถึงยังชั้นที่เจ้าตัวต้องการ

แสงจากโคมไฟส่องสว่างหลังจากที่ประตูลิฟท์เปิดออก เขาก้าวอย่างสม่ำเสมอเดินไปยังห้องสุดท้ายของชั้นที่อยู่ริมสุดและเสียบคีย์การ์ดเข้าไปในช่องรับ ก่อนจะเอื้อมมือเปิดประตูห้องที่เพียงแค่แง้มก็เห็นแต่ความมืดคอบคลุมภายในห้อง



ปัง!



เขาปิดประตูปล่อยให้ล็อกอัตโนมัติทำงานหลังจากที่ก้าวเข้ามายืนอยู่ในห้อง ช่วงวินาทีที่เขาถอดรองเท้าหลังจากที่กดสวิตช์ไฟให้ค่อยๆส่องสว่างนั้น ภาพมหัศจรรย์ตรงหน้าก็ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในมือหล่นลงไปก่อกับพื้นในพริบตา

ภาพของหมู่มวลดอกกุหลาบสีแดงถูกจัดเรียงอยู่เต็มพื้นที่ทุกตารางเมตรภายในห้องเล็กๆแห่งนี้ ไม่มีที่ไหนที่ไม่ถูกจัดตกแต่งด้วยดอกไม้สีสดนี้ มีเพียงหน้าประตูที่เขายืนอยู่ยาวไปจนถึงทางเลี้ยงเข้าห้องๆหนึ่งเท่านั้นที่ไม่ได้ถูกจับจองด้วยดอกไม้ชนิดนี้ ราวกับคนจัดการต้องการให้เขาได้มีทางเดินไปยังห้องๆที่ปิดสนิทนี้และเทโกชิรู้ดีว่าห้องนั้นคือห้องใด

หรือว่า...!

ความคิดแรกที่เขานึกถึงคือใบหน้าของชายหนุ่มที่ขาดการติดต่อไปเป็นอาทิตย์เพราะงานของนักศึกษาปริญญาโทณ.แดนไกลจะยุ่งจนไม่สามารถเจอกันได้ แม้จะในเว็บแคมก็ตามที

สองเท้าเร่งสปีคเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าห้องนอนไม่สนใจสิ่งของที่ตัวเองปล่อยทิ้งไว้บนพื้นหน้าประตูสักนิดและไม่เสียเวลาที่จะคิดอะไรอีกแล้วในเวลานี้ มือเรียวคว้าลูกบิดเปิดประตูห้องที่ดอกกุหลาบถูกวางไว้เป็นด้านสุดท้ายทันที...


“แฮปปี้วันวาเลนไทน์เดย์...ยูยะ”


‘หวังว่านาย...จะได้พบกับเรื่องดีๆ’
ผมเจอเรื่องที่ดีที่สุดแล้วฮะ...รุ่นพี่


ร่างผอมบางโผเข้ากอดชายหนุ่มที่นั่งอยู่ปลายเตียงเต็มแรงหลังจากที่ได้รับคำอวยพรเหมือนเช่นทั้งวันที่ได้ยินมา เพียงแต่ครั้งนี้คำอวยพรนี้จะมีค่ากว่าคำที่ใครๆพูด เพราะมันออกมาจากคนที่ไม่ได้พบกันเป็นเวลานาน
...มาจากคนรักที่อยู่ไกลแสนไกล

ใช่ว่าจะมีแค่อ้อมกอดจากยูยะเท่านั้นที่รัดแน่นทุกๆขณะเหมือนได้สัมผัสไออุ่นที่จางหายไปนาน
เพราะโทโมะก็กอดกระชับร่างของคนรักให้แนบแน่นได้ไม่ต่างกันเพื่อทดแทนช่วงเวลาที่ต้องอยู่ห่างกันไปเช่นกัน

ไม่มีคำพูดใจ ไม่มีถ้อยแถลงใด
มีแค่อ้อมกอดและรอยจูบของทั้งสองที่เติมเต็มกันและกัน

ฝ่ามือหนาสองข้างแนบลงกับแก้มเนียนใสของคนรักตัวน้อยของเขาอย่างทะนุถนอม
สองตามองสบกันและกันทั้งแม้ว่าในตาของยูยะจะเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำใส

โทโมะสัมผัสแผ่วเบา ในขณะที่ยูยะสำรวจตรวจตรา
และปล่อยให้จุมพิตบอกเล่าความรู้สึกคิดคำนึงของกันและกันเนินนาน...





“ผมตกใจหมดเลย”

เด็กหนุ่มที่ถูกโอบกอดอยู่ในอ้อมแขนของโทโมะทีตอนนี้พวกเขานอนอยู่บนเตียงซึ่งรายล้อมไปด้วยดอกกุหลาบเฉกเช่นเดียวกับข้างนอกเอ่ยเสียงแผ่วเบาก็จะชะโงกหน้าเล็กน้อยเพื่อเหลือบมองคนรักให้เต็มตาอีกครั้ง

“ถ้านายไม่ตกใจฉันคงเสียเซลล์น่าดู” เสียงหัวเราะในลำคอทำให้ยูยะขำตามไปด้วย
“ไหนบอกว่าจะไปกลับมาไงฮะ” ถามพลางนิ้วเรียวก็เกลี่ยเอาปอยผมของโทโมะมาเกี่ยวเล่น

“เพราะฉันไม่อยากผิดสัญญาเป็นครั้งที่สอง ฉันไม่อยากนั่งฉลองวาเลนไทน์กับนายผ่านเว็บแคมเหมือนปีที่แล้วอีก” ชายหนุ่มว่าพลางเกลี่ยริมฝีปากของตัวเองที่ข้างแก้มของยูยะเบาๆ
“...แต่ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่อดหลับอดนอน ฉันก็ถือว่ามันเป็นสามวันที่คุ้มค่า เพราะมันทำให้ฉันมีเวลาอีกห้าวันที่ได้อยู่กับนายหลังจากนี้ ก็พอแล้ว”

ดวงตาของเด็กหนุ่มที่ปล่อยให้คนรักแทะเล็มความหวานจากแก้มใสและกลีบปากเป็นประกายเจิดจ้าทันทีที่ได้ยินว่าเขาจะมีเวลาเก็บเกี่ยวความสุขกับโทโมะได้นานอีกนิด ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่สั่นแต่เขาก็พอใจกับมันมากเพียงพอ

“จริงเหรอฮะ ดีจังผมได้หยุดงานตั้งห้าวันเหมือนกันฮะ”
“หืม...งั้นเหรอ เป็นความโชคดีของฉันสินะ” ชายหนุ่มขานรับพลางจุมพิตเบาๆที่หน้าผากของคนร่าเริงในอ้อมแขนผู้ซึ่งไปเอะใจกับอะไรเลยสักนิด

“ยูยะ”
“ครับ...”
“ฉันรักนาย”

เพราะมันเป็นประโยคบอกรักที่อยู่ดีๆก็ดังแว่วข้างหู แต่ถึงไฟในห้องจะไม่ได้เปิดสว่างแต่คนพูดก็พอจะรู้ว่าคนฟังคงจะมีดวงหน้าที่แดงระเรื่อแน่นอน

“ฉันแค่อยากจะบอกให้นายรู้ ต่อให้อยู่ใกล้ไกลแค่ไหนฉันก็จะบอก”
“...”
“ไม่ว่านายจะได้ยินหรือไม่ จะเบื่อที่ได้ยินคำๆนี้ทุกวันหรือเปล่า
จะรู้สึกเฉยๆกับมันหรือไม่ ฉันแค่อยากให้นายรับรู้เอาไว้
ว่าฉันรักนายเสมอและจะรักไปอย่างนี้ทุกๆวัน
...ฉันรักนาย ยูยะ”

ทุกขณะที่โทโมะบอกรัก ยูยะก็ค่อยๆซึมซับมันด้วยแขนเล็กๆคู่นี้ที่พอจะมีแรงกอดได้
และเพราะคนตรงหน้ามาเพิ่อบอกคำว่ารักให้ได้ยินข้างหู
เขาจึงไม่เสียเวลาที่จะสื่อความในใจที่ตนเองมีไม่ต่างกันให้กับคนตรงหน้าเช่นกัน

“ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล...ผมก็รักโทโมะ
ไม่ว่าโทโมะจะได้ยินหรือไม่...ผมก็จะบอกรักโทโมะเสมอ
ผมไม่เคยเบื่อคำรักของโทโมะเพราะผมก็ไม่กลัวที่โทโมะจะรำคาญคำรักของผมเช่นกัน
ผมก็อยากให้โทโมะรู้ไว้เสมอว่า ความรักของผมอยู่ในนี้...”

มือเรียวทาบางบนอกข้างซ้ายของโทโมะเบาๆ

“ความรักของผมอยู่ในใจของโทโมะเสมอ...ผมรักโทโมะครับ”

แล้วริมฝีปากหวานฉ่ำที่เลื่อนขึ้นปรนเปรอคำหวานที่ไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำพูดได้อีก
แต่สัมผัสได้ด้วยความต้องการเดียวกันของคนทั้งคู่ก็บรรเลงคำรักให้กันและกันภายในห้องที่อบอวลไปด้วยดอกกุหลาบที่สื่อความนัยของโทโมะที่มีให้แก่คนรักที่ของเขาและไออุ่นที่สยบความเย็นยะเยือกจากฤดูเหน็บหนาวของคนทั้งสอง


‘นายรู้จักความหมายของกุหลาบไหม...ยูยะ?’
‘โทโมะรู้หรือฮะ’
‘รู้สิ...’



‘...กุหลาบหนึ่งดอก หมายถึง เธอเป็นหนึ่งเดียวของฉัน
สองดอก หมายถึง มีเพียงเธอ กับ ฉัน
สามดอก หมายถึง ฉันรักเธอ
ห้าดอก หมายถึง การให้ที่ไม่มีอะไรต้องเสียใจ
เจ็ดดอก หมายถึง เราจะพบกับเรื่องมงคล
แปดดอก หมายถึง ชดเชยวันเวลาที่ขาดหายไป
เก้าดอก หมายถึง อยู่ด้วยกันให้ยืนยาวและมั่นคง
สิบดอก หมายถึง เธอดีที่หนึ่ง
สิบเอ็ดดอก หมายถึง รักเธอที่สุด
สิบสองดอก หมายถึง ฉันรักเธอ เธอก็รักฉัน เรารักกัน
ยี่สิบสี่ดอก หมายถึง ฉันคิดถึงเธอตลอดเวลา
ห้าสิบดอก หมายถึง ความรักที่ยืนยาวชั่วนิรันดร
หนึงร้อยหนึ่งดอก หมายถึง รักเรายืนยาวชั่วนิรันดร
หนึงร้อยแปดดอก หมายถึง ความรักของฉันจะไม่มีที่สิ้นสุด
สามร้อยหกสิบห้าดอก หมายถึง ฉันคิดถึงเธอทุกๆวัน’



‘ที่แท้ก็แบบนี้นิเอง วันนี้ก็มีคนถามผมเหมือนกันฮะ ว่ารู้ความหมายของกุหลาบแต่ละดอกไม้’
‘ยังไม่หมดนะ...ยูยะ’
‘โห...ยังมีอีกเหรอฮะ’
‘มีสิ...ความหมายสุดท้าย ทั้งหมดในห้องนี้... ’



’ดอกกุหลาบแดงทั้งหมดเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดอก หมายถึง...ฉันจะรักนายไปชั่วนิรันดร์!’


ความหมายที่ดอกกุหลาบไม่สามารถบรรยายได้
ความนัยอีกอย่างที่เราสองคนจะสร้างไปด้วยกัน
...ความรักของเราที่จะก้าวไปด้วยกันและไม่มีวันปล่อยมือ ต่อให้ระยะทางและความห่างไกลจะกั้นเราก็ตาม



‘ฉันรักนาย!’



THE END
พล็อตช่วงวินาที จบแบบสั้นห้วน อิอิ
เพราะพล็อตมาเร็ว เคลมเร็วมั่กมาก
หายไปนานเนอะ โกเมนนนนนค่าา

ผิดพลาดประการใด ขออภัยด้วยนะคะ
Category : One ● shot
▲ top